Wednesday, November 23, 2011

เมื่อสตีฟตอบอีเมลแฟน ๆ


หนังสือ e-book อีกเล่มเกี่ยวกับสตีฟ จ็อบส์เล่ม Letters to Steve: Inside the E-mail Inbox of Apple's Steve Jobs เขียนโดย Mark Milian คอลัมนิสต์ด้านไอทีของ CNN

เนื้อหาพูดถึงสาระการตอบอีเมลแฟนๆ ของสตีฟ จ็อบส์ ซึ่งปกติคนระดับซีอีโอจะไม่ค่อยทำนัก Mark Milian รวบรวมอีเมลของแฟนๆ จากที่ต่างๆ ที่อ้างว่าส่งไปคุยกับสตีฟ จ็อบส์ มาไว้ให้อ่าน รวมถึงสัมภาษณ์คนที่เคยได้สนทนากับสตีฟ จ็อบส์ทางอีเมลว่าคิดอย่างไรด้วย


ที่มา - Amazon, Mashable

Sunday, November 20, 2011

ภาพสะท้อนของสตีฟวัยหนุ่มกับสตีฟเลย 50


เบื้องหลังการ brainstorm ถกเถียงหาทางสร้างบริษัท NeXt ของ Steve Jobs สะท้อนถึงวิธีคิดและแนววิเคราะห์ของวงในของเจ้าพ่อแอปเปิลคนนี้

http://thenextweb.com/shareables/2011/11/20/watch-steve-jobs-brainstorm-with-the-next-team-in-this-fascinating-video/?utm_source=GooglePlus

Wednesday, November 16, 2011

Book of the Month


แวะไปที่ร้านหนังสือ Kinokuniya วันก่อน เห็นเขาเอาหนังสือประวัติ Steve Jobs ที่เขียนโดยใครต่อใครหลายคนมาขึ้นเป็น Book of the Month

แน่นอนว่า "พระเอก" ของกองหนังสือว่าด้วยเจ้าพ่อแอบเปิลคนนี้ที่ขายดีที่สุดในยามนี้หนีไม่พ้นว่าเป็น Steve Jobs by Walter Isaacson ที่กำลังร้อนแรงและได้รับการกล่าวขวัญกันอยู่ขณะนี้

Thursday, November 10, 2011

สตีฟไม่สนใจคำเตือน Memento mori


ในหนังสือ Steve Jobs by Walter Isaacson ตอนที่เขียนถึงเจ้าพ่อ Apple กำลังสู้กับโรคมะเร็งในตับอ่อนและหมอผ่าตัดแล้ว น่าจะทำให้เขาผ่อนเบาการทำงานที่โหมหนักมาตลอด แต่สตีฟ จ็อบส์ทำตรงกันข้าม

"มีตำนานเล่าขานกันว่า ในยุคโรมันนั้นขุนพลชนะศึกมาใหม่ ๆ จะพาเหรดกลางเมืองเพื่อฉลองชัยชนะ แต่เขาจะสั่งให้คนใกล้ชิดนั่งประกบอยู่ข้างหลัง ท่องประโยค Memento mori ซ้ำแล้วซ้ำอีกให้เขาได้ยินตลอดเวลา...แปลว่า "จำได้ วันหนึ่งคุณก็ต้องตาย..." เพื่อเตือนสติว่าไม่ว่าคุณจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรเพียงใด, คุณก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่จะต้องม้วยมรณาเหมือนคนอื่นทั้งหลาย..."

Walter Isaacson เขียนว่า คำเตือน "Memento mori" สำหรับสตีฟ จ็อบส์คือมาจากหมอของเขาอย่างชัดเจน แต่เปล่าเลย เขาไม่ฟังเสียง และดูเหมือนยิ่งรู้ว่าตัวเองเหลือเวลาในโลกน้อย, เขาก็ยิ่งทุ่มเทกับงานของเขามากยิ่งขึ้น

หมอเจอมะเร็งในตับอ่อนของสตีฟเมื่อปี 2003 เขาผ่าตัดกลางปี 2004 และเสียชีวิต 7 ปีต่อมา

Monday, November 7, 2011

หนังสือเปิดตัวเมืองจีน...คึกคักยิ่ง


หนังสือ Steve Jobs by Walter Isaacson ฉบับแปลภาษาจีนวางตลาดอย่างมีสีสันทั่วประเทศเมื่อ 24 ตุลาฯที่ผ่านมา และยอดขายวันแรกกว่า 250,000 เล่ม

หลายคนที่มาซื้อวันแรกบอกว่าซื้อมากกว่าหนึ่งเล่มไปฝากเพื่อนบ้าน ลูกหลานบ้าง เพราะต่างก็ต้องการอวดคนอื่นว่า "ฉันได้หนังสือมาแล้วในวันแรกที่วางแผง"

สำนักพิมพฺ Citic Press ของจีนได้ลิขสิทธิ์ ไม่ได้เปิดเผยยอดพิมพ์ แต่เมื่อเปิดตัวและขายได้ร้อนแรงขนาดนี้ เชื่อได้ว่าจะต้องมีการพิมพ์เพิ่มอย่างไม่ต้องสงสัย

วันวางร้านหนังสือเล่มนี้, คนจีนยืนเข้าคิวหน้าร้านหนังสือกว่า 20 เมืองพร้อมเพรียงเหมือนตอน iPhone และ iPad เปิดตัวในปักก่ิ่งและเซี่ยงไฮ้เช่นกัน

ความนิยมของคนจีนรุ่นใหม่ต่อศาสดาแอบเปิลคืออาการของจีนยุคใหม่ที่มองข้ามความเป็นคนจีน หันมามองโลกแห่งนวัตกรรมเป็นเรื่องสากลที่น่าตื่นตาตื่นใจ

Saturday, November 5, 2011

ยอดขายพุ่งเป็นอันดับหนึ่งในสัปดาห์แรก!


รูปหายากของ Steve Jobs ตอนอายุยี่สิบเศษ ๆ...ตอนกำลังคลั่งวิถีชีวิตแบบฮิบปี้ ต่อต้านสังคมวัตถุนิยม..

และในหนังสือเล่มนี้จะมีรูป exclusive จากอัลบัมส่วนตัวของสตีฟ จ็อบส์ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนมากมายหลายรูปเช่นกัน

ข่าวล่าสุดจากอเมริกาบอกว่า Steve Jobs by Walter Isaacson โดยสำนักพิมพ์ Simon & Schuster เล่มนี้ยอดขายพุ่งกระฉูด หกวันแรกอยู่ที่ 379,000 ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของตลาดหนังสือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว และทำท่าว่าจะเป็นหนังสือยอดขายอันดับหนึ่งของปี 2011 นี้ด้วย

ตัวเลขนี้ได้จากนิตยสารอังกฤษ The Bookseller ซึ่งได้สถิติทางการที่วงการหนังสือเชื่อถือที่สุดคือ Nielsen BookScan

ก่อนหน้านี้ หนังสือสองเล่มที่ทำสถิติสัปดาห์แรกสูงกว่าคือ The Diary of a Wimpy Kid: The Ugly Truth โดย Jeff Kinney และ Decision Points โดยอดีตประธานาธิบดี George W. Bush

ทั้งสองเล่มนี้ขายในอาทิตย์แรกได้เกิน 430,000 เล่มเมื่อเดือนพฤศจิกายนของปี 2010

เล่มแรก ตีพิมพ์โดย Abrams ม่ียอดขายถึงทั้งปี 2010 ถึง 3.3 ล้านเล่ม และเล่มที่สอง ตีพิมพ์โดย Crown ทำสถิติ 2.6 ล้านเล่มในปีเดียวกัน

ในเมืองไทย หนังสือเล่มนี้ (ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย) ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและคึกคักยิ่ง!

ความเด็ดขาดผสมบ้าบิ่นของเขา


หนังสือ Steve Jobs by Walter Isaacson ล็อตที่สองมาถึง Asiabooks ที่กรุงเทพฯ แล้ว...เวอร์ชั่นภาษาไทยที่เครือเนชั่นได้ลิขสิทธิ์แปลจะวางร้านกลางเดือนหน้า แฟน ๆ ต้องรีบจอง...ไปที่ www.nationbook.com ได้เลย

อีกเกร็ดหนึ่งจากหนังสือน่าอ่านเล่มนี้...ผมทึ่งกับวิธีคิดและการฟื้น Apple ของสตีฟมาก ตอนที่เขากลับไปบริหารบริษัทที่เขาตั้งขึ้นเอง (และอีกเขี่ยออกโดยคณะกรรมการบริษัท) นั้นธุรกิจของ Apple ย่ำแย่ถึงขั้นที่เขาประเมินว่าถ้าไม่รีบเขย่าครั้งใหญ่ อีก 90 วันก็ล้มละลายแล้ว

สตีฟ จ็อบส์บอกคนเขียนประวัติของเขาเล่มนี้ว่า "ตอนนั้นบริษัทกำลังจะเจ๊ง ไม่มีเงินเหลือแล้ว ผมจึงเรียกประชุมผู้บริหารทั้งหมด และบอกว่าบริษัทผลิตสินค้า 27 ถึง 30 ชนิดรวมถึงเครื่องพรินเตอร์และอะไรจิปาถะ...ผมขีดเส้นบนกระดาน เป็นรูปสี่เหลี่ยมสี่รูป และเขียน Professional, home consumer, Laptop, Desktop ลงในสี่เหลี่ยมทั้งสี่กรอบ และประกาศว่าเราจะเลิกทุกอย่าง และผลิตสี่ตัวนี้เท่านั้น อย่างอื่นตัดทิ้งไปให้หมด..."

สตีฟไล่คนออก 3,000 คนและเปิดตัวการโฆษณาชุดใหม่...อันเป็นจุดพลิกผันที่นำไปสู่การฟื้นคืนชีพของ Apple ที่ผลิตสุดยอดของผลิตภัณฑ์คอมฯจากสมองอัจฉริยะของเขา

ถ้าเป็นนักบริหารคนอื่น อาจจะพยายามหาทางไม่ต้องปลดพนักงานมากขนาดนั้น แต่ความ "เด็ดขาด" และ "บ้าบิ่น" เป็นอีกลักษณะหนึ่ง
ของเขา...ที่เปิดเผยอย่างหมดเปลือกในหนังสือเล่มนี้

Friday, November 4, 2011

วิธีแสดงคารวะต่อหนังสือประวัติของ "ศาสดา"?


เห็นภาพนี้ใน Google+ แล้วก็ต้องเชื่อครับว่ามีคนไม่น้อยที่น้บถือสตีฟ จ็อบส์เป็น "ศาสดา" ขั้นเทพ เพราะเขาปฏิวัติวิถีชีวิตและวิธีคิดต่อ
เทคโนโยลีของคนรุ่นนี้จริง ๆ

เขาคนนี้เป็นใครไม่ทราบ แต่ถึงขั้นแสดงอาการคารวะแบบนี้ต้องถือว่าเทใจให้กันอย่างเต็มที่ แต่เมื่อได้อ่าน Steve Jobs by Walter Isaacson แล้วจึงเข้าใจได้ว่าทำไมหนุ่มคนนี้ที่เคยเป็นฮิบปี้, บอกอำลารั้วมหาวิทยาลัยกลางคัน, แอบสูบกัญชาและหลงมนต์ของ LSD และเดินทางประหนึ่งจะไปจาริกแสวงบุญถึงอินเดีย แต่อยู่ดี ๆ ก็ตัดสินใจกลับบ้านเพื่อทุ่มเทชีวิตเป็นนักธุรกิจเพื่อสร้างสิ่งที่วงการไฮเทคคาดไม่ถึง?

ความขัดแย้งในตัวตนของสตีฟ จ็อบส์มีหนักหนารุนแรงจริง ๆ....ต้องอ่านทุกตัวอักษรของหนังสือเล่มนี้ครับ...ยิ่งผมมาทำหน้าที่เป็น
บรรณาธิการของฉบับแปลเป็นภาษาไทยที่เครือเนชั่นได้ลิขสิทธิ์มา, ผมยิ่งทึ่งในความเป็นสตีฟ จ็อบส์