Monday, October 31, 2011

โอ้ วาว, โอ้ วาว, โอ้ วาว นี่หรือคือความตาย?


ประโยคอุทานสุดท้ายก่อนสิ้นใจของ Steve Jobs คือ

"OH WOW. OH WOW. OH WOW."

คนที่เปิดเผยไม่ใช่ใคร หากแต่คือน้องสาวร่วมสายโลหิตที่ชื่อ Mona Simpson ซึ่งเป็นนักเขียนนิยายที่มีชื่อเสียงพอสมควร และได้พบกับพี่ชาย คบหาเป็นเพื่อนกันตลอด 27 อย่างสนิทสนม

เธอกล่าวไว้อาลัยในพิธีศพของพี่ชายเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมอย่างน่าซาบซึ้งสำหรับผู้เข้าร่วมวันนั้น เพราะเธอบรรยายความเป็นมนุษย์ของสตฟที่มีความรัก, ความอบอุ่น, ความห่วงหาอาทรต่อภรรยาและลูกทั้งสี่คนอย่างลุ่มลึกและละเอียในอารมณ์ยิ่ง

โมน่าบอกว่าสตีฟทำงานที่เชอบสุดชีวิตจิตใจ และเป็นคนทำงานหนักอย่างยิ่ง แม้ว่าบางครั้งเขาจะประสบความล้มเหลว เขาก็ไม่เคยย่นระย่อ

"ความแปลกใหม่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่สตีฟเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด แต่ความสวยงามต่างหากที่เขาเชิดชูเหนือสิ่งอื่นใด..." เธอบอก ซึ่งตรงกับประโยคที่เธอเคยได้ยินและตรงกับความเป็นสตีฟ

"แฟชั่นคือสิ่งที่ดูเหมือนสวยวันนี้ แต่จะกลายเป็นสิ่งน่าเกลียดวันพรุ่งนี้ ขณะที่ศิลปะนั้นอาจจะดูน่าเกลียดครั้งแรกที่เห็น แต่จะกลายเป็นสิ่งสวยงามในเวลาต่อมา..."

สตีฟมุ่งมั่นเหลือเกินที่จะทำให้สิ่งที่เขาทำ "สวยในเวลาต่อมา"

และเขาพร้อมที่จะให้คนอื่นเข้าใจเขาผิด

"สตีฟเป็นคนถ่อมตน เป็นคนที่เรียนรู้ไม่จบสิ้น" น้องสาวเขียนถึงพี่ชาย ฉายไปที่ภาพอีกด้านหนึ่งของเจ้าพ่อแอบเปิลซึ่งหลายคนมองว่าเป็นคนอหังการ, เจ้าอารมณ์และมีอัตตาสูงเหลือร้าย

ประโยคที่ผมคิดว่าโมน่าทำให้เห็นภาพของสตีฟ จ็อปส์ชัดกว่าใคร...อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นนักเขียนที่ใช้ภาษาไปกับอารมณ์และความรู้สึกได้อย่างถึงแก่น...เมื่อเธอเขียนว่า

"Death didn't happen to Steve, he achieved it."

ผมขออนุญาตถอดความว่า

"สำหรับสตีฟแล้ว, ความตายไม่ได้เพียงแค่เกิดขึ้นกับเขา เขาเองต่างหากที่ทำให้ความตายเกิดขึ้นกับเขาจนสำเร็จ..."

ประหนึ่งจะบอกว่าเขาสามารถออกแบบให้ความตายต้องเกิดกับเขาในลักษณะที่เขาต้องการ

Sunday, October 30, 2011

เมื่อคุณรู้ว่าความตายกำลังจะมาถึง....


อีกบางประโยคของเขาที่เกี่ยวกับ "ความตาย" และปรัชญาของการดำเนินชีวิต

"การจำได้ว่าคุณกำลังจะตายเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่ผมรู้ในอันที่จะหลบเลี่ยงกับดักของการทึ่คิดว่าคุณมีอะไรจะต้องสูญเสีย...เพราะยังไง ๆ คุณก็เปลือยเปล่าแล้ว...จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไม่ทำตามที่หัวใจบอก..."

Saturday, October 29, 2011

ทำไม Steve Jobs ขอให้ Walter Isaacson เขียนประวัติตัวเอง?


เจ็ดปีก่อน สตีฟ จ็อปส์ขอให้ Walter Isaacson อดีตบรรณาธิการของนิตยสารไทม์ ว่าสนใจจะเขียนหนังสือที่เป็นชีวประวัติของเขาไหม

เป็นข้อเสนอที่ค่อนข้างแปลก เพราะสตีฟเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวกับสื่อมาโดยตลอด เรื่องส่วนตัวของเขาไม่เป็นที่ล่วงรู้ถึงข้างนอกเลย เขาจะพูดก็ต่อเมื่อเป็นเรื่องที่เขาต้องการให้เป็นข่าว และส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวกับการตลาดว่าด้วยสินค้าตัวโปรดของเขาเท่านั้น

วอลเตอร์ ไอซาคซอนเป็นนักเขียนมีชื่อเสียง เขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติของ Benjamin Franklin (หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสหรัฐอเมริกา) และกำลังเขียนเกี่ยวกับ Albert Einstein

เขาบอกสตีฟทันทีว่าไม่สนใจจะเขียนประวัติของเขาเพราะยังไม่ถึงเวลา และเขาก็ยังมีอายุไม่มากพอที่จะต้องคิดถึงการบันทึกความทรงจำของตนเองให้คนรุ่นหลัง

"ผมเห็นว่าชีวิตของสตีฟ จ็อปส์ขณะนั้นยังจะต้องมีขึ้นมีลงอีกหลายรอบ ผมจึงแสดงอาการรีรอและลังเล บอกว่าอีกสักสิบยี่สิบปี เมื่อเขาเกษียณจากงานการแล้ว ค่อยคุยกันใหม่ดีกว่า..." วอลเตอร์เล่า

วอลเตอร์ไม่รู้ขณะนั้นว่าสตีฟกำลังป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อน และกำลังจะเข้ายอมรับการผ่าตัด...พูดง่าย ๆ คือเจ้าพ่อแอบเปิลเริ่มจะเชื่อว่าชีวิตของตัวเองคงจะไม่ได้อยู่ยาวนานอีกเท่าไหร่นัก

เมื่อเห็นอาการดิ้นรนต่อสู้กับมะเร็งของสตีฟ จ็อปส์ และเมื่อได้พูดคุยกันบ่อยขึ้น วอลเตอร์ก็เห็นชัดถึงบุคลิกที่มีสีสันเหลือล้นของสตีฟ...ความกระตือรือร้น, ความเป็นศิลปิน, นิสัยเจ้่าอารมณ์ทางเลวร้าย, ความทุ่มเท, และความหมกมุ่นที่จะต้องควบคุมทุกอย่างรอบตัวถึงระดับคลั่ง...เขาจึงตัดสินใจรับปากเขียนเรื่องราวของสตีฟ จ็อปส์เพื่อเป็น "กรณีศึกษาว่าด้วยความสร้างสรรค์"

วอลเตอร์เริ่มสัมภาษณ์สตีฟในปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงที่อาการป่วยของสตีฟเริ่มหนักหน่วงแล้ว ในช่วงสองปีนั้น เขาสัมภาษณ์สตีฟถึงเกือบ 50 ครั้ง และครั้งหลังสุดก็เป็นการสนทนากันก่อนสตีฟเสียชีวิตไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นเอง

สตีฟบอกวอลเตอร์ "ผมไม่มีความลับส่วนตัวอะไรที่เปิดเผยไม่ได้" จึงยอมเปิดเผยเรื่องราวตัวเองให้กับวอลเตอร์เกือบจะเรียกว่าหมดเปลือก

ที่น่าสนใจคือ สตีฟไม่ได้หักห้ามไม่ให้วอลเตอร์ไปพูดคุยกับคนที่รู้จักเขาเป็นร้อยคน ทั้งลูกเมีย, เพื่อน, ศัตรู, คนชื่นชม, และคนหมั่นไส้เขาอย่างเปิดเผย

สตีฟย่อมรู้ว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่ใช่ชีวประวัติเฉพาะแง่มุมที่ดีและสวยงามที่เขาอยากจะให้สังคมรับรู้เท่านั้น หากจะยังมีส่วนที่เปิดเผยด้านมืดของเขาที่มีไม่น้อย พร้อม ๆ กับความเป็นอัจฉริยะของเขาเช่นกัน

ภรรยาของสตีฟชื่อ Laurene Powell บอกคนเขียนว่า "ขอให้ตรงไปตรงมาทั้งที่เกี่ยวกับจุดอ่อนและจุดแข็งของเขา มีบางส่วนในชีวิตและบุคลิกของเขาที่เละเทะมากที่เดียว ขออย่าได้ปิดบังซ่อนเร้นหรือกลบเกลื่อน ดิฉันอยากเห็นเรื่องราวของสตีฟได้รับการเปิดเผยออกมาอย่างสัตย์ซื่อที่สุด..."

วอลเตอร์บอกว่าเขาเชื่อว่าเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ "แฟร์" ...แฟร์ในความหมายที่ว่ามันสะท้อนถึงพระเอกของเรื่องในฐานะเป็น "มนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง"

วอลเตอร์เล่าว่า เขาไปหาสตีฟครั้งสุดท้ายก่อนเขาเสียชีวิตไม่กี่สัปดาห์ ที่บ้านที่เมือง Palo Alto รัฐแคลิฟอร์เนีย

สตีฟได้ย้ายลงมาอยู่ในห้องชั้นล่างของบ้านเพราะร่างกายอ่อนเปลี้ยเต็มที

"เขามีอาการม้วนไปมาด้วยความเจ็บปวด แต่สมองยังใส และอารมณ์ขันยังมีอยู่เต็มที่ เราคุยกันเรื่องชีวิตวัยเด็กของเขา และเขาก็มอบรูปของคุณพ่อของเขากับครอบครัวเพื่อใช้ตีพิมพ์ในหนังสือ ในฐานะนักเขียน ผมก็มักจะคุ้นชินกับการไม่เอาอารมณ์ตัวเองไปเกี่ยวพันกับคนที่ผมเขียนถึงมากนัก แต่ขณะที่ผมพยายามจะกล่าวคำอำลาเขาวันนั้น ผมเกิดรู้สึกว่ามีคลื่นความรันทดมาปะทะผมกระทันหัน ผมพยายามจะซ่อนความรู้สึกของผมด้วยการถามคำถามที่ยังสร้างความงุนงงกับผมอยู่..."

วอลเตอร์บอกว่าได้สัมภาษณ์สตีฟเกือบ 50 ครั้งสำหรับเขียนหนังสือเล่มนี้ในช่วงระยะเวลาสองปีเต็ม ๆ ซึ่งเขารู้สึกว่าสตีฟเปิดใจเล่าเรื่องแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนตลอดชีวิต

วอลเตอร์ถามสตีฟว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจระบายความรู้สึกออกมาอย่างหมดเปลือกอย่างนั้น?

สตีฟ จ็อปส์ตอบว่า "ผมต้องการให้ลูก ๆ ของผมรู้จักผม ตลอดชีวิตทำงาน ผมไม่ค่อยได้อยู่กับลูก ผมต้องการให้พวกเขาและเธอได้รู้ว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น...และให้ลูก ๆ เข้าใจว่าผมได้ทำอะไรบ้าง"

ส่วนลึกของอัจริยะที่แสนน่าชื่นชม, น่าหมั่นไส้, น่ารักและน่าชังคนนี้...ท้ายสุดก็คือความเป็นคนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นั่นแหละ

เขาคือคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา...เป็นอัจฉริยะที่พลิกโลกจริง ๆ

My first iNotes on Steve Jobs by Walter Isaacson


This is a special blog for my notes while reading "Steve Jobs by Walter Isaacson" which is being translated by a team of writers into Thai for NINE which has obtained exclusive rights in Thailand.

I will be posting my own notes while reading the book. Excerpts of interesting episodes will be noted here with my own interpretation.